ประเพณี เป็นกิจกรรมที่มีการปฏิบัติสืบเนื่องกันมา เป็นเอกลักษณ์และมีความสำคัญต่อสังคม เช่น การ ประเพณีนั้นดีอยู่แล้วก็รักษาไว้เป็นวัฒนธรรมประจำชาติ หากไม่ดีก็แก้ไขเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเทศะ ประเพณีล้วนได้รับอิทธิพลมาจากสิ่งแวดล้อมภายนอกที่เข้าสู่สังคม รับเอาแบบปฏิบัติที่หลากหลายเข้ามาผสมผสานในการดำเนินชีวิต ประเพณีจึงเรียกได้ว่าเป็น วิถีแห่งการดำเนินชีวิตของสังคม โดยเฉพาะศาสนาซึ่งมีอิทธิพลต่อประเพณีไทยมากที่สุด วัดวาอารามต่างๆ ในประเทศไทยสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของพุทธศาสนาที่มีต่อสังคมไทย และชี้ให้เห็นว่าชาวไทยให้ความสำคัญในการบำรุงพุทธศาสนาด้วยศิลปกรรมที่งดงามเพื่อใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาตั้งแต่โบราณกาล เป็นต้น
ความเป็นมาของประเพณี
ความเป็นมาของประเพณี
ประเพณีมีบ่อเกิดมาจากสภาพสังคม ธรรมชาติ ทัศนคติ เอกลักษณ์ ค่านิยม โดยความเชื่อของคนในสังคมต่อสิ่งที่มีอำนาจเหนือมนุษย์นั้นๆ เช่น อำนาจของดินฟ้าอากาศและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุต่างๆ ฉะนั้นเมื่อเวลาเกิดภัยพิบัติขึ้น มนุษย์จึงต้องอ้อนวอนร้องขอในสิ่งที่ตนคิดว่าจะช่วยได้พอภัยนั้นผ่านพ้นไปแล้ว มนุษย์ก็แสดงความรู้คุณต่อสิ่งนั้นๆด้วยการทำพิธีบูชา เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตน ตามความเชื่อ ความรู้ของตน เมื่อความประพฤตินั้นคนส่วนรวมสังคมยึดถือปฏิบัติเป็นธรรมเนียม หรือเป็นระเบียบแบบแผน และทำจนเป็นพิมพ์เดียวกัน สืบต่อๆกันจนกลายเป็นประเพณีของสังคมนั้นๆ
ภาคกลาง
ประเพณีการแห่ผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม“แสงนวลจากจันทร์วันเพ็ญส่องสว่างค่ำคืนให้รื่นเริงไปพร้อมกับเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ประจำปี ผู้คนจากทั่วสารทิศร่วมบูชาพระบรมสารีริกธาตุด้วยเคารพศรัทธา เสริมสร้างสิริมงคลแก่ชีวิต แล้วร่วมแรงร่วมใจแห่ผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์ อิ่มบุญแล้วยังได้สนุกครึกครื้นไปกับบรรยากาศงานวัด กิจกรรม การประกวด และการละเล่น จึงมากมายรอยยิ้ม ความสุขเช่นทุกๆ ปี”เทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ พิธีที่ถือปฏิบัติสืบเนื่องกันมายาวนานนับร้อยปีของชาวนครปฐม เมื่อวันเวลาผ่านมาถึงคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองของทุกปี องค์พระปฐมเจดีย์มีผู้คนหลั่งไหลมากราบไหว้บูชาพระบรมสารีริกธาตุ ดั่งได้เฝ้าอยู่เบื้องพระยุคลบาทแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สร้างสิริมงคลแก่ชีวิต ท่ามกลางแสงนวลจากจันทร์เต็มดวงในคืนวันเพ็ญ ยามต้ององค์พระปฐมเจดีย์ปูชนียสถานซึ่งมีประวัติความเป็นมายาวนานคู่แผ่นดินสุวรรณภูมิ นับแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช นับอายุกว่าพันปีที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ภายใต้พระเจดีย์ใหญ่รูประฆังคว่ำ ปากผายมหึมา โครงสร้างเป็นไม้ซุง รัดด้วยโซ่เส้นมหึมา ก่ออิฐ ถือปูน ประดับด้วยกระเบื้องปูทับ ประกอบด้วยวิหาร ๔ ทิศ กำแพงแก้ว ๒ ชั้น งดงามเคียงคู่กาลเวลาและอีกหนึ่งประเพณีปฏิบัติเคียงคู่ไปกับการนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์นั่นคือ แห่ผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์ โดยเชื่อกันมาแต่โบราณว่า ถ้าถวายสิ่งของเครื่องใช้แด่พระภิกษุสงฆ์จะได้บุญกุศล เป็นส่วนหนึ่งของการบูชาพระรัตนตรัย โดยเฉพาะการถวายผ้ากาสาวพัสตร์จะได้บุญกุศลมาก ผู้คนจึงได้ร่วมแรงร่วมใจนำผ้ากาสาวพัสตร์ต่อกันเป็นผืนยาว จัดเป็นขบวนแห่รอบองค์พระปฐมเจดีย์ ช่วยกันจับขึงไว้บนบ่าทั้งผืนด้วยแรงสามัคคี ขบวนแห่ผ้าห่มจะเดินเวียนรอบองค์พระปฐมเจดีย์ ๑ รอบ แล้วมาพักไว้บริเวณด้านหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ ให้พุทธศาสนิกชนเขียนคำอุทิศส่วนกุศลลงบนผืนผ้า ถึงวันเพ็ญเดือนสิบสอง และวันสุดท้ายของการจัดงานนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ จึงนำผ้าไปเวียนแห่รอบองค์พระปฐมเจดีย์ด้านใน ตามแบบทักษิณาวัตรอีก ๓ รอบ แล้วจึงนำขึ้นไปห่มพันรอบองค์พระปฐมเจดีย์ที่บริเวณเสาหานส่วนคอของพระเจดีย์เป็นอันเสร็จพิธีเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ สะท้อนความศรัทธาสามัคคี สืบสานประเพณี ทำนุบำรุงพุทธศาสนา ผู้เฒ่าผู้แก่ หนุ่มสาว ลูกหลาน ส่งต่อพิธีปฏิบัติจากรุ่นสู่รุ่นให้คงอยู่คู่วิถีชีวิตต่อไป
– ระยะเวลาจัดงาน : วันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ถึง วันแรม ๕ ค่ำ เดือน ๑๒ รวม ๙ วัน ๙ คืน
– สถานที่จัดงาน : วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร
ประเพณีไทยภาคตะวันออก
ประเพณีวิ่งควาย จังหวัดชลบุรี
“ลานกว้าง คือสนามประลองเจ้าแห่งความเร็วของเจ้าทุยเพื่อนรัก สัตว์เลี้ยงคู่ใจชาวนาไทยครั้งอดีต ที่ต่างวางคันไถ ออกจากท้องนาขึ้นมาช่วงชิงชัยชนะในสนามการแข่งขันวิ่งควาย ประเพณีที่สร้างความคึกคักเร้าใจ ได้ทุกช่วงวินาทีที่ผู้บังคับประสานเป็นหนึ่งกับเจ้าทุย ขับเคี่ยวกับคู่แข่งที่ขนาบทั้งซ้ายขวา มุ่งหน้าเข้าสู่เส้นชัย เพียงช่วงเวลาไม่กี่นาที”
ใกล้เข้าสู่เทศกาลออกพรรษา ผ่านพ้นช่วงการไถหว่านของชาวนาที่มีควายไทยเป็นแรงงานหลักในการไถแปลงนาให้พร้อมสำหรับการเพาะปลูกข้าว เมื่อทำงานหนักเสร็จสิ้นก็ได้เวลาในการพัก แต่ระหว่างที่รอการเก็บเกี่ยวผลผลิต ช่วงนี้เองที่ชาวนาจะได้มีโอกาสนำผลผลิตจากฤดูก่อนหน้ามาค้าขาย แลกเปลี่ยนกันในตลาด บางคนใช้ควายเป็นพาหนะขนของ ยางคนก็แต่งองค์ทรงเครื่องให้ควายของตนสวยงาม จนเมื่อเสร็จสิ้นการพบปะพูดคุย จึงชักชวนกันนำควายของตนมาวิ่งแข่งขันกัน จนกลายเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบเนื่องมาจวบจนปัจจุบัน
ประเพณีวิ่งควายจัดขึ้นทั่วไปตามชุมชนต่างๆ เริ่มตั้งแต่เขตเทศบาลเมืองชลบุรี จัดขึ้นในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ อำเภอบ้านบึง จัดขึ้นในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ตลาดหนองเขิน อำเภอบ้านบึง จัดขึ้นในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ วัดดอนกลาง ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จัดขึ้นในวันทอดกฐินประจำปีของวัด ซึ่งคุณสามารถเดินทางเข้ามาชมประเพณีนี้ได้ตามช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งแต่ละสถานที่ล้วนมากด้วยสีสัน รวมทั้งความตื่นเต้นในการลุ้นว่าใครที่จะเป็นเจ้าแห่งความเร็วของประเพณีวิ่งควาย
ในปัจจุบัน นอกจากชาวบ้านต่างเข้าชิงชัยในสนามแข่งขันประเพณีวิ่งควาย และประดับประดาควายของตนด้วยผ้า และแต่งแต้มสีสันสร้างลวดลายให้สวยงามแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่สร้างความสนุกสนาน และแฝงไปด้วยสาระ เริ่มต้นตรวจดูความแข็งแรงของควายในการประกวดสุขภาพ สร้างขวัญและกำลังใจแก่คนและควายในพิธีสู่ขวัญควายตามแบบพิธีกรรมดั้งเดิม อันเป็นการแสดงถึงความผูกพันระหว่างชาวนาและสัตว์เลี้ยงคู่ใจ ถึงแม้ความสำคัญของควายไทยจะลดบทบาทลงไปมาก แต่ชาวชลบุรีก็ยังสืบสานงานประเพณีวิ่งควายให้คงอยู่จนกลายเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น หนึ่งเดียวในประเทศไทย
- วันเวลาการจัดงาน : ตั้งแต่วันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ หรือก่อนออกพรรษา ๑ วัน เรื่อยไป
- สถานที่จัดงาน : เทศบาลเมืองชลบุรี, ตลาดหนองเขิน อำเภอบ้านบึง, วัดดอนกลาง ตำบลแสนสุข
แหล่งที่มา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น